ค่านิยมหลักของ TFI: วิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณ

โดย ปีเตอร์ อัมสเตอร์ดัม

พฤศจิกายน 12, 2013

พระวิญญาณประทานชีวิต เนื้อหนังไม่สำคัญอะไรเลย ถ้อยคำที่เรากล่าวกับท่านเป็นวิญญาณ และเป็นชีวิต[1]

ผู้ทรงปลอบใจเรา ในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้น เพื่อเราจะได้ปลอบใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า[2]

พระวิญญาณของพระองค์อยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์เจิมข้าพเจ้าให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากไร้ พระองค์ใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่ผู้ถูกจองจำ ให้คนตาบอดมองเห็น และปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่[3]

อย่าลืมที่จะทำความดี และแบ่งปันกับผู้อื่น เพราะพระเจ้าพอใจการเสียสละเช่นนี้[4]

เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะทำสิ่งที่เราทำอยู่ เขาจะทำแม้กระทั่งสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะเราจะไปหาพระบิดา[5]

ค่านิยมหลักประการที่เจ็ดของเดอะแฟมิลี่นานาชาติ คือ

ทางแก้ด้านวิญญาณ เรานำหลักการทางวิญญาณมาปรับใช้กับความท้าทายที่ประสบทุกวัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรค ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง ช่วยให้มีศักยภาพสูงสุด และสมานจิตใจ เราแสวงหาที่จะแบ่งปันความมั่งคั่งและความรู้ในเรื่องทางวิญญาณกับผู้อื่น

พระคัมภีร์ประกอบด้วยนิมิตที่พระเจ้าเผยไว้พระองค์เอง ความรักที่พระองค์มีต่อมนุษย์ ทางไปสู่ความรอด และสัมพันธภาพที่พระองค์ประสงค์ที่จะมีกับมนุษย์ นอกจากนี้ ประกอบด้วยคำแนะนำถึงวิธีดำเนินชีวิตในลักษณะที่พระเจ้าพอใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่มีความสุข สมปรารถนา และก่อเกิดผล ในความกลมเกลียวกับพระเจ้าและผู้อื่น เราเรียนรู้ความจริงที่พระเจ้าเผยให้เห็นในพระคัมภีร์ ซึ่งเราวางรูปแบบชีวิตของเราตามนั้น

จากพระคำของพระเจ้า คือคำแนะนำที่พระองค์มอบให้เรา เราค้นพบหลักการในพระคัมภีร์ คือหลักการทางวิญญาณ ซึ่งเป็นดุจเข็มทิศในชีวิตเรา และช่วยเราให้เผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตทุกวัน พระคำของพระองค์ถ่ายทอดหลักการซึ่งชี้แนะนำทางเรา ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการตัดสินใจ ทั้งช่วยเราให้รู้ข้อแตกต่างว่าอะไรถูกอะไรผิด หลักการทางวิญญาณเหล่านี้กำหนดมาตรฐานด้านศีลธรรมจรรยา ทัศนคติที่มีต่อชีวิต ความรัก โลก สภาพแวดล้อม และความสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้รับมืออย่างเฉพาะเจาะจงกับทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ซึ่งทุกคนอาจเผชิญหน้าในชีวิต แต่พระคัมภีร์มอบหลักการที่จำเป็น เพื่อนำวิถีชีวิตที่สลับซับซ้อน ในแง่ที่จะทำให้พระเจ้าพอใจ

หลักการทางวิญญาณดังกล่าวมุ่งหมายไว้ให้เป็นเข็มทิศ ตลอดเส้นทางชีวิตของเรา ซึ่งช่วยเราให้เผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตด้วยความมั่นใจ ว่าเราตัดสินใจอย่างถูกต้องได้ด้วยสติปัญญา เราพัฒนาทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับชีวิตและผู้อื่นได้ โดยชี้ให้เราเห็นว่าควรจะตอบรับอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคหรือข้อขัดแย้ง ทั้งช่วยเราให้รู้ว่าควรมุ่งไปในทิศทางใด เมื่อพบเจอทางแยกทุกแห่ง

การสานสัมพันธ์กับพระเจ้า ผู้เป็นแหล่งที่มาของชีวิต และตระหนักถึงความจริงที่ว่าพระองค์สถิตอยู่ในชีวิตเรา ถ้อยคำที่พระองค์มอบให้เพื่อนำทางมนุษยชาติ ความน่าอัศจรรย์ใจในการสานสัมพันธ์และสื่อสารกับพระองค์ จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตสอดคล้องกับพระองค์

ตัวอย่างหลักการดังกล่าวบางประการ ได้แก่

แน่นอนว่ามีอะไรอีกมากมาย ทว่านี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันกับคุณในที่นี้

เราถือว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะดำเนินชีวิตตามความจริงในพระคัมภีร์ หลักการทางวิญญาณ และแบ่งปันกับผู้อื่น เพื่อจะได้นำเขามาสู่สัมพันธภาพกับพระเจ้า ซึ่งจะยังผลให้ช่วยนำทางเขา รวมทั้งเยียวยาสมานแผลในชีวิตเขา ถ้าทุกคนเข้าใจหลักการในพระคำของพระเจ้า และนำไปปรับใช้ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความปวดร้าว การทำผิด โศกนาฏกรรม การขาดแคลน และความเศร้าโศกในโลกปัจจุบันได้อย่างมาก

เราเชื่อว่าเมื่อจิตใจคนเราเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อว่าพระคริสต์ยอมตายและฟื้นคืนชีพ ผ่านการดำเนินงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การกระทำของเขาก็จะตามมาเป็นธรรมดา เขากลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ของพระคริสต์ เมื่อเขายอมรับและเข้าใจพระคำของพระเจ้า และเริ่มดำเนินชีวิตตามหลักการทางวิญญาณที่สอนไว้ในพระคัมภีร์[6] นี่ยังผลให้เขาปรับเปลี่ยนชีวิตให้สอดคล้องกับพระวิญญาณของพระเจ้าในใจเขา เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของจิตใจที่แสนวิเศษในรายบุคคลเช่นนี้ คือการเปลี่ยนโลกในทางที่ทรงพลังที่สุด และจะยั่งยืนนานที่สุดอย่างแท้จริง ทั้งเป็นการรับมือกับความจำเป็นของมนุษยชาติ แม้แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

การเปลี่ยนจิตใจจะช่วยแก้ “ปัญหาทางใจ” ซึ่งเป็นโรคร้ายอย่างหนึ่งที่มีรากเหง้าอยู่ในความบาป ซึ่งทุกคนมีอยู่ ความรอดเป็นสื่อเชื่อมโยงมนุษย์กับท่านผู้ช่วยแก้ปัญหา พระเจ้ามีคำสัญญาและทางแก้สำหรับทุกปัญหาที่เราประสบ

เมื่อคนใดสร้างสานสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นส่วนตัว เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และรับพลังสูงส่งจากพระองค์ พระเจ้ามีคำสัญญาพร้อมสรรพสำหรับเขา เราได้รับสิทธิพิเศษให้กวัดแกว่งกุญแจไขไปสู่อาณาจักรสวรรค์ เพื่อนำผู้อื่นมาสู่พระเจ้า

ดังนั้นเราถือว่าการแบ่งปันพระคำและบทเรียนของพระองค์เรื่องการดำเนินชีวิต เป็นวิธีแก้ปัญหาทางปฏิบัติ ต่อความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดในโลกปัจจุบัน เรานำวิธีการแบบองค์รวมมาใช้ เพื่อตอบสนองความจำเป็นในชีวิตจิตใจของรายบุคคล โดยการพิจารณาและจัดการปัญหาเรื่องความจำเป็นของมนุษย์ในทุกด้าน

พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ดังนั้นเราไม่ได้เป็นแค่มนุษย์ทางกายภาพเท่านั้น ทว่าเป็นทั้งทางกายภาพและทางวิญญาณ เราจึงมีความต้องการทั้งทางวิญญาณและทางกายภาพ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะทำเท่าที่ทำได้ เพื่อตอบสนองความต้องการทางกายภาพ เพราะถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น จะยังผลให้เจ็บป่วยและเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ความต้องการทางวิญญาณอาจถูกละเลยได้ง่ายกว่า นอกเสียจากว่าเรามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าวเป็นประจำ

ความต้องการทางวิญญาณอันดับแรก คือ สัมพันธภาพกับพระเจ้า ซึ่งเป็นพระผู้สร้างของเรา เรามีความต้องการโดยกำเนิดที่จะสื่อสารกับพระเจ้า ผ่านการอธิษฐาน และการรับฟังพระองค์ ผ่านถ้อยคำของพระองค์ ผ่านเสียงของพระองค์ ขณะที่พระองค์กล่าวกับจิตใจเรา เราปรารถนาที่จะสานสัมพันธ์กับพระเจ้า ด้วยการเชื่อฟังตามที่พระองค์ชี้แนะ นี่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเรามุ่งเน้นอย่างเต็มที่หรือส่วนใหญ่ กับสิ่งที่พระเยซูอ้างถึงว่าเป็น “ความกังวลในชีวิตนี้” และเราละเลยความต้องการทางวิญญาณ ชีวิตเราก็จะขาดความสมดุล

ดังที่พระเยซูบอกสาวกของพระองค์ว่า “จะมีประโยชน์อะไร ถ้าผู้ใดจะได้โลกนี้ทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน หรือใครจะเอาอะไรมาแลกกับจิตวิญญาณของตนได้”[7]

เราตระหนักถึงคุณค่าใหญ่หลวงในการตอบสนองความต้องการให้กับจิตวิญญาณของบุคคลหนึ่ง นี่เองเป็นแรงจูงใจเราให้แบ่งปันความมั่งคั่งทางวิญญาณให้กับผู้อื่น จากความจริงของพระเจ้า

เราเชื่อว่ามีขั้นตอนทางวิญญาณที่ต้องทำ เพื่อค้นพบทางแก้ปัญหาหลากหลายที่ประสบในชีวิตทุกเมื่อเชื่อวัน เราเชื่อว่าการนำปัญหาและความท้าทายมาฝากไว้กับพระเจ้า คือจุดเริ่มต้นการค้นพบทางแก้ และการฟันฝ่าความท้าทาย

วิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือศรัทธา คือการมีศรัทธาในความเป็นจริงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และทราบถึงสัมพันธภาพที่เปี่ยมด้วยความรัก ซึ่งพระองค์เฝ้าปรารถนาจะมีกับเรา การค้นพบและสานสัมพันธ์กับพระเจ้า การเข้าใจแผนการของพระองค์สำหรับมนุษยชาติ จะนำอิสรภาพใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตเรา เราค้นพบสันติสุขที่ยั่งยืน และความยินดีอันลึกซึ้ง เมื่อเราเรียนรู้ว่าพระเจ้ารักเรา และตั้งใจให้เราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด นี่นำมาซึ่งอิสรภาพจากความกลัว ความหวังสำหรับอนาคต และการสำนึกในวัตถุประสงค์ เพราะเรารู้ว่าพระเจ้ามีวัตถุประสงค์ในการที่เรามีตัวตนอยู่

วิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณที่แสนวิเศษอีกอย่างหนึ่ง ต่อความท้าทายในชีวิต คือการอธิษฐาน การที่เราเองอธิษฐานอ้อนวอน และคำอธิษฐานของผู้อื่น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเหนือล้ำพละกำลังและความสามารถทางกายที่เราอาจบรรลุผล การอธิษฐานสุดจิตสุดใจนำมาซึ่งคำตอบต่อคำอธิษฐาน และนำมาซึ่งความมหัศจรรย์ในการรักษา การจัดหาปัจจัย และการปกป้องคุ้มครอง ฯลฯ ไม่ว่าการงานหรือเงินมากมายเพียงใด ก็ไม่มีวันนำมาสู่ชีวิตเราและชีวิตผู้อื่นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “คำอธิษฐานไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยที่สุดที่เราทำได้ ทว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลมากที่สุดที่เราทำได้”

การสรรเสริญคือวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง อันนำมาซึ่งการอวยพรในทางวิญญาณและทางปฏิบัติ ที่พรั่งพรูลงมาจากพระเจ้าอย่างไม่ขาดสาย คำสรรเสริญยกชูจิตวิญญาณ และช่วยให้คุณมีกรอบความคิดในแง่บวก มีเรื่องราวมากมายในพระคัมภีร์ ซึ่งบ่งบอกถึงพลังการสรรเสริญไว้อย่างละเอียด ซึ่งปราบศัตรูให้พ่ายแพ้ จนได้รับชัยชนะ พระเจ้ายังคงตอบรับคำสรรเสริญของเราในทุกวันนี้

ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คือวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณที่มีกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว ในยามที่คนจำนวนมากดิ้นรนต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน หรือเรื่องอื่นๆ การรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นำมาซึ่งพรจากพระเจ้า พระเจ้าอวยพรเมื่อเรามอบให้แก่ผู้ที่ขัดสน พระองค์อวยพรด้วย เมื่อเรามอบให้พระองค์ คือหนึ่งในสิบ เงินถวาย และเงินกำนัล ซึ่งนอกเหนือจากหนึ่งในสิบ ผู้ที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะมอบให้พระองค์ เป็นสักขีพยานได้ว่าการมอบให้พระเจ้าและผู้อื่น คือวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณ ซึ่งส่งผลลัพธ์ในทางปฏิบัติที่จับต้องได้

เรามีศรัทธาแรงกล้าที่จะแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณของพระเจ้า และสอน “เครื่องมือประกอบอาชีพ” ให้กับผู้อื่น เพื่อเขาจะได้รับพลังทางวิญญาณเป็นส่วนตัวเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตประจำวันของเขาดีขึ้นหลายระดับ

ในฐานะที่เป็นองค์กร TFI ไม่มีความมั่งคั่งหรือพื้นฐานที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติอย่างมหาศาล พลังของเราอยู่ในการเสนอวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณ และตอบสนองความต้องการทางจิตใจและวิญญาณ โดยมอบกำลังใจ คำอธิษฐาน คอยรับฟัง และเสนอพระเยซูให้กับผู้อื่น รวมทั้งท้าทายให้เขามอบชีวิตแด่พระเจ้า และเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เราฝึกสังเกตความต้องการเชิงลึกในจิตใจผู้ที่ปวดร้าว เราปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของดวงจิตและวิญญาณ เรามีความมั่นใจว่า การตอบสนองความต้องการทางวิญญาณของผู้คนคือสิ่งสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าความต้องการทางวิญญาณของบางคนอาจไม่ประจักษ์ชัดเสมอไป เราเข้าใจว่าแต่ละคนมีความต้องการอย่างยิ่งจริง เราทราบว่าจนกว่าจะตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยพระเยซูและความรักของพระองค์ ความอ้างว้างจะคงอยู่ในจิตใจเขา

ดังที่เดวิดผู้ก่อตั้งของเรากล่าวไว้อย่างเหมาะสม ว่า

สิ่งที่ทุกคนต้องการคือความรัก! ความรักที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน เป็นรักแท้ที่จริงใจ เป็นความรักยิ่งใหญ่ที่แท้จริงในชีวิตเขา เป็นความรักที่เหนือรักทั้งปวง ความรักของยอดนักรัก ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ตอบสนองความถวิลหาในส่วนลึกของดวงจิตมนุษย์ทุกคน ที่มีต่อความรักแท้ และความเข้าใจโดยสิ้นเชิง คือความหิวกระหายอย่างลึกซึ้งในใจมนุษย์ ที่มีต่อพระผู้สร้าง!

จิตใจมนุษย์เหมือนกันทั่วโลก! การเฝ้าถวิลหา มีความรัก หิวกระหายพระเจ้าและความจริงของพระองค์ ความยินดี ความสุขและสันติสุขในใจ เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์ ซึ่งเหมือนกันในใจมนุษย์ทั่วโลก! มนุษย์ไม่มีวันมีความสุขอย่างแท้จริง เมื่อรู้สึกหนักอกหนักใจ ไม่สบายใจ ท้อแท้ และไม่มีความรอด ดวงจิตมนุษย์ไม่มีวันพึงพอใจโดยสิ้นเชิง ด้วยสิ่งใดที่นอกจากการผนึกกับพระวิญญาณที่ยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยความรัก ซึ่งสร้างสรรค์เขาขึ้นมา! คือ พระเจ้า![8]

เราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขายวิธีแก้ปัญหาทางด้านวิญญาณของพระเจ้า นั่นคือจุดที่เรามุ่งเน้น บางคนจะไม่มีวันรู้ว่าสิ่งที่ขาดหายไป คือ พระเยซู จนกระทั่งได้พบเจอเรา และเราเสนอพระองค์ให้เขา!

ถึงแม้เราจะถือว่าความต้องการใหญ่หลวงที่สุดในส่วนลึกของจิตใจแต่ละคน คือการสานสัมพันธ์กับพระเจ้า ผ่านพระคริสต์ แต่ความต้องด้านอาหาร การรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย น้ำสะอาด และความต้องการด้านอื่นๆ ก็สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ที่ขัดสนที่สุด เช่นเดียวกับ อิสรภาพ ความยุติธรรม การปกป้องคุ้มครอง และสันติสุข สำหรับผู้ที่ต้องทนการกดขี่ข่มเหง

วิธีที่มีประสิทธิผลในการตอบสนองความต้องการของชาวโลกที่จิตใจปวดร้าว ขณะที่ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรา คือ การร่วมมือกับองค์กรอื่น หรือกลุ่มที่ไม่หวังผลกำไร ผู้ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุและทางปฏิบัติ ต่อผู้ที่ขัดสน เรารู้สึกขอบคุณต่อองค์กรและพันธกิจ ซึ่งมุ่งมั่นและอุทิศตนเพื่อการดูแลเอาใจใส่ความต้องการทางวัตถุของผู้คน นั่นเป็นพันธกิจที่สำคัญอย่างที่สุด เป็นความท้าทายใหญ่หลวงในโลกปัจจุบัน ซึ่งคนจำนวนมากยากไร้และขาดแคลน การดูแลเอาใจใส่ผู้คน โดยช่วยมอบปัจจัยทางวัตถุที่เร่งด่วน คือส่วนสำคัญในการมอบความรักของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระเยซูแนะนำให้ผู้ติดตามของพระองค์ทำ

ในพันธกิจของพระเยซู พระองค์เข้าใจความต้องการของมนุษย์ ทั้งทางวัตถุและทางวิญญาณ พระองค์ใส่ใจต่อความต้องการทางวัตถุของผู้คน พระองค์เลี้ยงอาหารผู้ที่หิวโหย รักษาคนเจ็บป่วย พระองค์ดูแลความต้องการทางวิญญาณของเขา สอนเขาเกี่ยวกับพระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ สอนวิธีอธิษฐานเพื่อขอปัจจัย การมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ การดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมและความถ่อมตน การมอบให้และการรับใช้ผู้อื่น

งานด้านมนุษยธรรมและงานการกุศล เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมอย่างแสนวิเศษ สมาชิก TFI บางคนดำเนินงานที่ไม่หวังผลกำไร หรืองานการกุศลของตนเอง โดยให้ความช่วยเหลือทั้งทางปฏิบัติและทางวิญญาณ ต่อผู้ที่ขัดสนภายในชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสนวิเศษ สมาชิก TFI บางคน ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาอย่างมั่นคง และใช้กลไกที่มีประสิทธิผล สำหรับการแจกจ่ายความช่วยเหลือ หรือบริการอะไรก็ตามที่จัดให้ สมาชิก TFI ใช้ทักษะด้านการเชื่อมสัมพันธภาพกับผู้คน ให้ความห่วงใยและดูแลเอาใจใส่ ช่วยแบ่งเบาภาระและความเศร้าโศกของผู้ที่ขัดสน ขณะเดียวกันก็มอบความหวัง คำอธิษฐาน และความจริงจากพระคำของพระเจ้า

สมาชิก TFI มีประสบการณ์หลายปีในด้านนี้ เนื่องจากเรามีโอกาสทำงานด้านประกาศข่าวสารมาหลายปี เราเรียนรู้ที่จะทำงานกับแทบทุกคน จากวัฒนธรรมหรือเชื้อชาติใดๆ เราสามารถมอบกำลังใจ การปลอบโยน และความหวังที่จำเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งขณะที่เผชิญหน้ากับความเศร้าโศกและการสูญเสียครั้งใหญ่ โดยเสนอวิธีแก้ปัญหาทางวิญญาณที่เฉพาะตัว แน่นอนว่ารวมไปถึงสัมพันธภาพอันยั่งยืนกับพระเยซู เราเห็นคุณค่าใหญ่หลวง และทำเท่าที่จะทำได้ เพื่อตอบสนองความต้องการอย่างที่สุดในด้านวัตถุของผู้คน ทว่าเราถนัดด้านการตอบสนองความต้องการอย่างที่สุดในด้านจิตใจ คือความต้องการทางวิญญาณ นี่คือหนึ่งในทักษะที่เราถนัด เรามุ่งมั่นที่จะรณรงค์ให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนหัวใจทีละดวง

นี่คือคำท้าทายจากเดวิด ผู้ก่อตั้งหมู่คณะของเรา

คุณบอกว่าเราเปลี่ยนโลกไม่ได้หรือ มันสายเกินไป เลวร้ายเกินไป ใหญ่เกินไป ยากเกินไป อย่างนั้นหรือ ทำไมไม่เพียงแต่ลองเปลี่ยนโลกในส่วนของคุณล่ะ ถ้าคุณเปลี่ยนแค่ชีวิตเดียว คุณก็เปลี่ยนโลกส่วนหนึ่งแล้ว และพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความหวังที่โลกทุกส่วนจะเปลี่ยนไป! ถ้าชีวิตหนึ่งเปลี่ยนไปได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นไปได้ที่หลายชีวิตจะเปลี่ยนไป โดยเริ่มต้นกับคนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นคุณ!

เริ่มด้วยความคิดจิตใจ วิญญาณ และชีวิตของคุณเอง โดยรับพระเยซูไว้ในชีวิตคุณ อ่านพระคำของพระองค์ และนำหลักการในพระคำมาฝึกใช้ในชีวิตคุณ เปลี่ยนชีวิตคุณ บ้านของคุณ ครอบครัวของคุณ และคุณก็จะเปลี่ยนทั้งโลก คือโลกของคุณนั่นเอง!

แล้วคุณกับครอบครัวน้อยๆ ของคุณ ก็เริ่มต้นได้ โดยพยายามเปลี่ยนเพื่อนบ้านและมิตรสหาย ผู้คนที่คุณพบปะวันแล้ววันเล่า คุณพยายามเป็นพิเศษที่จะเอื้อเฟื้อจิตใจที่หงอยเหงา หิวโหย และขัดสน ผู้ที่แสวงหาความรัก และความจริง แสวงหาสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร ทว่าแสวงหาความสุข เขาแสวงหาสุดจิตสุดใจที่จะตอบสนองหัวใจที่ถวิลหา ซึ่งว่างเปล่า อ้างว้าง และโดดเดี่ยว เพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยงจากพระคำ และแสงแดดอันอบอุ่นจากความรักของพระองค์

คุณเองเริ่มต้นได้ โดยส่วนตัว แค่คุณหรือครอบครัวเล็กๆ ของคุณ ด้วยการหว่านทีละเมล็ด ในหัวใจทีละดวง วันแล้ววันเล่า โดยทำสิ่งที่ประกอบด้วยความรักเพื่อผู้อื่น และบอกเขาเกี่ยวกับพระเยซู นอกจากนี้ คุณอาจมอบหรือแนะนำสิ่งพิมพ์คริสเตียนแก่ผู้ที่คุณพบปะ เพื่อช่วยเขาให้เข้าใจพระคำของพระเจ้า หว่านเมล็ดความจริงจากพระคำของพระเจ้าด้วยความอดทน ในจิตใจที่ว่างเปล่า แล้วกลบด้วยความรักของพระเจ้า และไว้วางใจว่าแสงแดดอันอบอุ่นและเปี่ยมความรัก จากพระวิญญาณของพระองค์ และน้ำจากพระคำของพระองค์ จะนำมาซึ่งมหัศจรรย์ คือชีวิตใหม่

ตอนแรกอาจดูเหมือนเป็นเพียงหน่อเล็กๆ แค่ต้นอ่อนสีเขียว จะมีค่าอะไรต่อป่าไม้ที่ต้องปลูก แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้น เป็นจุดเริ่มต้นของความมหัศจรรย์แห่งชีวิตใหม่ ซึ่งจะงอกงาม เติบโต และเบ่งบาน กลายเป็น “ต้นไม้” ใหม่ที่โตเต็มที่ สูงใหญ่ และแข็งแรง เป็นชีวิตใหม่ทั้งชีวิต และอาจเป็นโลกใหม่ทั้งโลก![9]

คุณอาจไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนหลายร้อยชีวิต ทว่าถ้าคุณเอื้อเฟื้อใครสักคน ให้กำลังใจใครสักคน อธิษฐานเผื่อใครสักคน ชนะใจใครสักคนมาสู่พระเยซู สร้างสาวกจากใครสักคน เขาก็จะช่วยคนอื่นให้เปลี่ยนชีวิตได้ต่อไป บุคคลผู้นั้นจะชนะใจคนอื่น และสร้างสาวกเพิ่มขึ้น คุณๆ ที่เป็นผู้ปกครอง ซึ่งทุ่มเทให้กับลูกๆ ด้วยการอบรมเลี้ยงดู ทะนุถนอม และมอบคำตักเตือนจากพระองค์ คุณก็ปลุกปั้นชีวิตจิตใจที่อ่อนวัย ซึ่งมีศักยภาพในวันข้างหน้า ที่จะรับใช้พระเจ้าและคนอื่นอย่างแสนวิเศษชั่วชีวิต

มีที่ซึ่งพระเจ้ากำหนดไว้สำหรับเราแต่ละคน ซึ่งเราบรรลุผลในงานที่ได้รับมอบหมาย และเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าสากลของพระเจ้า ถึงการกอบกู้ การไถ่ถอน และการสมานไมตรี

มีความจำเป็นมากมายอยู่รอบข้าง มีผู้คนที่หมดหนทางจำนวนมากมาย มีผู้คนที่ปวดร้าวใจ ร่างกายทรุดโทรม และจิตวิญญาณบอบช้ำ ความท้าทายระดับโลกที่เราเผชิญหน้า มีความสลับซับซ้อนอย่างที่สุด เราตระหนักว่าเราทำอะไรได้น้อยมาก ท่ามกลางความปวดร้าวใจนานัปการ แม้แต่ความพยายามอย่างเต็มที่และเปี่ยมคุณธรรมที่สุด ก็จะขาดตกบกพร่อง นี่เองเราจึงเน้นความสำคัญอย่างมาก กับการนำทางแก้ไขที่ยั่งยืน ผ่านการรับทราบถึงการกอบกู้จากพระเยซู มามอบให้แก่ผู้คน เราทราบว่าการเยียวยารักษา ความช่วยเหลือ และการฟื้นฟูอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จะมาจากหัตถ์ของพระเจ้าเท่านั้น นี่เองเราจึงมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้สื่อข่าวของพระเจ้าต่อชาวโลก เพื่อป่าวประกาศข่าวสารเรื่องความหวัง ความรอด ความรัก และสันติสุขของพระองค์ โดยผ่านพระเยซู


[1] ยอห์น 6:63
[2] 2 โครินธ์ 1:4
[3] ลูกา 4:18
[4] ฮีบรู 13:16
[5] ยอห์น 14:12
[6] 2 โครินธ์ 5:17
[7] มัทธิว 16:26
[8] Daily Might เล่ม 1 วันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1981
[9] “เปลี่ยนโลก” มกราคม ค.ศ. 1977

Copyright © 2024 The Family International. นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการใช้งานคุกกี้