หัวใจสำคัญ: ธรรมชาติและวิสัยของพระเจ้า

โดย ปีเตอร์ อัมสเตอร์ดัม

กันยายน 13, 2011

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

(หากประสงค์ทราบบทนำและคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องชุดนี้โดยรวม กรุณาดู หัวใจสำคัญ: บทนำ)

พระเจ้าดำรงอยู่ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ที่ดำรงอยู่ทั้งสิ้น พระองค์ผู้เดียวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา และไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งอื่นๆ ล้วนถูกสร้างขึ้นมา และมีที่สิ้นสุด[1] ดังนั้นพระองค์จึงแตกต่างจากทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ศัพท์ทางศาสนศาสตร์ สำหรับสภาวะดังกล่าวนี้ คือ ความเหนือธรรมชาติของพระเจ้า หมายความว่า พระองค์แยกต่างหากและไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของจักรวาลด้านวัตถุ ความเหนือธรรมชาติบ่งบอกว่าพระองค์ดำรงอยู่ด้วยคุณภาพสูงกว่าเรา คุณคงคาดหมายว่าพระผู้สร้างเป็นเช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งสร้างสรรค์ของพระองค์[2] ศัพท์ทางพระคัมภีร์ สำหรับสภาวะที่แตกต่างไปเช่นนี้ สำหรับ “ความผิดแผกแตกต่าง” ของพระเจ้า คือ บริสุทธิ์

ความหมายของความบริสุทธิ์

คำภาษาฮีบรู qodesh(คาเด้ช) แปลว่า “บริสุทธิ์” และคำศัพท์ในเครือที่มาจากรากศัพท์เดียวกัน เช่น qadas หรือ qados ล้วนหมายถึง แยกต่างหาก ศักดิ์สิทธิ์ แยกจาก บริสุทธิ์ การกล่าวว่าพระเจ้าบริสุทธิ์ คือ พระองค์แยกไว้ต่างหาก แตกต่าง และ “สมบูรณ์” กว่าสิ่งใดทั้งหมด

ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมื่อเชื่อมโยงกับการดำรงอยู่ที่แท้จริงของพระองค์ หมายถึงทุกสิ่งในพระเจ้าที่ทำให้พระองค์แตกต่างและยิ่งใหญ่กว่าเรา คือสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นพระเจ้า ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าคือแก่นแท้ของความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเจ้าผู้เดียวคือพระเจ้า ไม่มีใครอื่นเหมือนพระองค์ พระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระองค์คือพระผู้สร้าง มนุษย์คือสิ่งสร้างสรรค์ พระองค์เหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน พระองค์คือพลังจากเบื้องบน ดังที่ผู้ประพันธ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า “ความบริสุทธิ์คือความเป็นพระเจ้า[3]

นอกจากนี้ยังเล็งเห็นว่าความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติด้านศีลธรรมจรรยาของพระเจ้า ตามหลักศีลธรรมจรรยา พระเจ้าสมบูรณ์แบบ ซึ่งแยกพระองค์ไว้จากมนุษย์ผู้มีบาปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าความบริสุทธิ์ของพระเจ้าแยกพระองค์จากมนุษย์ ทั้งในแก่นแท้และด้านศีลธรรมจรรยา แต่ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เหมือนกับคุณสมบัติอื่นๆ ของพระเจ้า ซึ่งเรามีส่วนได้เล็กน้อย ความบริสุทธิ์ใดๆ ที่เราอาจมี ไม่ว่าจะเป็นการที่พระเจ้าแยกเราไว้ และการถวายตัวต่อพระองค์ หรือการที่เราปฏิบัติตามศีลธรรมจรรยา เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ความบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นเหนือกว่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้อแตกต่างคือเราอาจทำสิ่งที่บริสุทธิ์ แต่พระเจ้าคือความบริสุทธิ์

เราเป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ เราเป็นผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางพวกเจ้า[4]

มีผู้ใดบ้างที่จะไม่ยำเกรงพระองค์ และไม่ถวายเกียรติแด่นามของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ผู้เดียวบริสุทธิ์[5]

ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าบ่งบอกถึงพลังอำนาจสูงสุด ความน่าเกรงขาม และการที่พระองค์อยู่สูงสุดเหนือสิ่งสร้างสรรค์ทั้งสิ้น

ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ในบรรดาเทพทั้งปวง องค์ใดจะเป็นเหมือนพระองค์ องค์ใดจะเหมือนพระองค์ผู้ประกอบด้วยความบริสุทธิ์อันสูงส่ง ทรงเกียรติน่าเกรงขาม และกระทำการมหัศจรรย์[6]

ผู้สูงส่งอยู่ในนิรันดร์กาล นามว่าบริสุทธิ์ กล่าวว่า “เราอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์”[7]

นิมิตที่อิสยาห์ได้รับเกี่ยวกับพระเจ้า ในบทที่ 6 ของหนังสืออิสยาห์ เขากล่าวถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าว่า

ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น ชายฉลองพระองค์เต็มวิหาร เหนือพระองค์มีเซราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีหกปีก สองปีกบังหน้า สองปีกคลุมเท้า และสองปีกบินขึ้นไป ต่างก็ร้องต่อกันว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเยโฮวาห์จอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเปี่ยมด้วยสง่าราศีของพระองค์”[8]

คุณคงสังเกตว่าในพระคัมภีร์ข้อนั้น กล่าวถึงพระเจ้าว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์” ผู้ประกาศและผู้บรรยายคริสเตียน ทิโมธี เคลเลอร์ ออกความเห็นไว้ว่าคำภาษาฮีบรูในพระคัมภีร์เดิม magnitude(ความใหญ่โต) จะถ่ายทอดด้วยการกล่าวคำนั้นซ้ำ

ตัวอย่างเช่น ในปฐมกาล 14:10 กล่าวว่า

ที่หุบเขาสิดดิมมีบ่อยางมะตอยเต็มไปหมด กษัตริย์เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์หนีมา และตกลงไปที่นั่น ส่วนคนที่เหลืออยู่หนีไปยังภูเขา

คำว่า “บ่อยางมะตอยเต็มไปหมด” เป็นคำแปลมาจาก “บ่อยางมะตอย บ่อยางมะตอย” ในภาษาฮีบรูดั้งเดิม การใช้คำว่าบ่อยางมะตอยสองครั้ง มุ่งหมายที่จะแสดงให้เห็นความใหญ่โต ว่ามีบ่อยางมะตอยจำนวนมาก

การกล่าวคำเดียวกันสองครั้ง อธิบายความบริสุทธิ์ของภาชนะทองคำ ดังที่เห็นได้ในฉบับคิงเจมส์ ของพงศาวดารกษัตริย์ฉบับที่สอง 25:15

ทั้งถาดรองไฟกับชาม สิ่งใดที่ทำด้วยทองคำ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ขนเอาไป เป็นทองคำ และสิ่งใดที่ทำด้วยเงิน ก็ขนเอาไปเป็นเงิน

ข้อพระคัมภีร์เดียวกันแปลไว้ในอีกฉบับหนึ่ง ว่า

ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ขนเอาถาดรองไฟกับชามไป สิ่งใดที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ และสิ่งใดที่ทำด้วยเงินบริสุทธิ์

ในภาษาฮีบรู ศัพท์ที่ใช้คือ “ทองคำ ทองคำ” แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ดีกว่า นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนในการบ่งบอกถึงความใหญ่โต หรือคุณภาพที่เหนือกว่า ซึ่งบางครั้งบ่งบอกในพระคัมภีร์เดิมด้วยการกล่าวคำนั้นสองครั้ง

ในกรณีนี้ เมื่อกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า กล่าวคำนั้นสามครั้ง ในพระคัมภีร์เดิมภาษาฮีบรู ไม่มีคำกล่าวถึงคุณภาพใดซ้ำสามครั้ง แต่มีคำพรรณนาไว้ว่าพระเจ้าบริสุทธ์ โดยกล่าวซ้ำสามครั้ง พระเจ้าไม่เพียงบริสุทธิ์ หรือบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ ทว่าพระองค์บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระองค์อยู่ในกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น[9] 

ธรรมชาติของพระเจ้าที่ไม่มีอะไรเปรียบได้

ความบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นความบริสุทธิ์สูงสุดและมากที่สุด ไม่มีความบริสุทธิ์ใดเสมอเหมือน ไม่ใช่เฉพาะความบริสุทธิ์ของพระเจ้า แต่คุณสมบัติทุกอย่างของพระเจ้าด้วย ความรักของพระเจ้าคือความรักสูงสุด สติปัญญา ความรู้ พลังอำนาจ และคุณสมบัติทุกอย่างของพระเจ้า อยู่ในระดับสูงสุด ไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้เลย ส่วนมนุษย์เรามีคุณสมบัติเหล่านี้ได้เล็กน้อย เนื่องจากเราถูกสร้างขึ้นมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า เราไม่มีวันเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่หรือความไม่มีที่สิ้นสุดในคุณสมบัติของพระเจ้าได้ พระองค์คือความรักบริสุทธิ์ พลังอำนาจบริสุทธิ์ พระองค์ผู้เดียวที่บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์

ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์ดังพระเยโฮวาห์ ไม่มีผู้ใดนอกเหนือพระองค์ ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้า[10]

ในพระคัมภีร์โดยตลอด สิ่งอื่นที่ได้ชื่อว่าบริสุทธิ์ นอกเหนือจากพระเจ้า ซึ่งหมายความว่า “แยกไว้ต่างหาก” หรือ แยกออกมาจากสภาพปกติ คือ การอุทิศ การชำระล้าง และนำมาใช้ในงานรับใช้พระเจ้า ตัวอย่างเช่น สถานที่บริสุทธิ์เป็นที่บริสุทธิ์เพราะพระเจ้าสถิตอยู่ วิหารบริสุทธิ์เพราะเป็นที่นมัสการพระเจ้า ภายในวิหารมีสถานที่บริสุทธิ์ ซึ่งปุโรหิตเท่านั้นที่อนุญาตให้เข้าไป หลังจากล้างมือล้างเท้าแล้ว สถานที่บริสุทธิ์นี้แยกจากสถานที่บริสุทธิ์ที่สุดด้วยม่านหนาที่กั้นไว้ ซึ่งมหาปุโรหิตเท่านั้นที่เข้าไปได้ และเข้าไปได้ปีละวันเดียว คือวันไถ่บาป วันซะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ เพราะแยกไว้เป็นวันพักผ่อน เพื่อรำลึกถึงพระเจ้า ลูกหลานชาวอิสราเอลได้ชื่อว่า “ชนชาติผู้บริสุทธิ์” เพราะพระเจ้าแยกพวกเขาไว้ต่างหากจากคนอื่น ด้วยพันธสัญญาที่ให้ไว้กับเขา

โมเสสจึงกล่าวว่า “ข้าจะเข้าไปดูสิ่งยิ่งใหญ่นี้ ว่าเหตุไฉนพุ่มไม้จึงไม่ไหม้” เมื่อพระเยโฮวาห์เห็นเขาเดินเข้ามาดู พระเจ้าจึงตรัสแก่เขาออกมาจากกลางพุ่มไม้นั้น ว่า “โมเสส โมเสส” โมเสสตอบว่า “ข้าอยู่ที่นี่” พระองค์จึงตรัสว่า “อย่าเข้ามาใกล้ จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่บริสุทธิ์”[11]

ข้าจะอิ่มเอิบด้วยความดีแห่งที่พำนักของพระองค์ คือวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์[12]

ม่านนั้นแขวนไว้กับขอเกี่ยวม่าน แล้วเอาหีบพระโอวาทมาไว้ข้างในม่าน ม่านนั้นกั้นระหว่างวิสุทธิสถาน​กับ​อภิสุทธิสถาน พระที่นั่งกรุณาตั้งไว้บนหีบพันธสัญญาในอภิสุทธิสถาน[13]

มีพลับพลาถูกตั้งขึ้นแล้ว คือห้องชั้นนอกซึ่งมีโคมไฟ โต๊ะ และขนมปังถวาย ห้องนี้เรียกว่าวิสุทธิสถาน ภายในม่านชั้นที่สองมีห้องเรียกว่าอภิสุทธิสถาน[14]

จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำการงานทั้งสิ้นหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเยโฮวาห์เจ้า[15]

มีผู้คนได้ชื่อว่าบริสุทธิ์เช่นกัน ทั้งในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ ในพระคัมภีร์ใหม่ ภาษากรีกสำหรับคำว่าบริสุทธิ์ คือ hagios ซึ่งมีคำนิยามว่า สิ่งบริสุทธิ์ที่สุด ผู้บริสุทธิ์

โมเสสจึงพูดกับโคราห์ และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระเยโฮวาห์จะแสดงให้เห็นว่า ผู้ใดเป็นของพระองค์ ใครเป็นคนบริสุทธิ์ และจะให้ผู้นั้นเข้าใกล้พระองค์ ผู้ใดที่พระองค์เลือก พระองค์จะให้เข้าไปใกล้พระองค์[16]

ถ้าผู้ใดชำระตนจากสิ่งไร้เกียรติ เขาก็จะเป็นภาชนะทรงเกียรติ ซึ่งเลือกสรรไว้แล้ว เหมาะที่เจ้านายจะใช้ให้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง[17]

เนื่องจากผู้ดูแลที่รับมอบหมายงานของพระเจ้า ต้องเป็นคนที่ไม่มีข้อตำหนิ ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่เลือดร้อนเจ้าโทสะ ไม่ดื่มสุราเมามาย ไม่ก้าวร้าวใช้กำลัง ไม่หาประโยชน์ในทางทุจริต แต่เป็นผู้มีน้ำใจรับรองแขก รักสิ่งที่ดี ควบคุมตนเองได้ ยุติธรรม บริสุทธิ์ และมีวินัย[18]

คุณความดีและความบริสุทธิ์ของพระเจ้า

นอกเหนือจากการที่พระเจ้า “เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ” ในแก่นแท้และการดำรงอยู่ของพระองค์ พระองค์ยังแยกต่างหากและแตกต่างในทางศีลธรรมจรรยา พระองค์อยู่เหนือทุกสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นมา ในความเที่ยงตรงของพระองค์ พระเจ้าเพียบพร้อมตามหลักศีลธรรมจรรยา ในด้านวิสัยและการกระทำ พระองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม พระองค์ไม่มีความปรารถนา เจตนารมณ์ ความคิด ถ้อยคำ หรือการกระทำใดๆ ที่ชั่วร้าย พระองค์บริสุทธิ์ตลอดกาล โดยไม่มีวันผันแปร[19] พระองค์มีความบริสุทธิ์จากเบื้องบน ไม่มีอะไรทำให้ด่างพร้อย พระเจ้าจึงแยกต่างหากจากความบาปของมนุษย์

ในพระคัมภีร์เดิม ชาวอิสราเอล ทั้งปุโรหิตและผู้คน ได้รับการชี้แนะให้ทำตามพิธีต่างๆ ในการชำระตนให้บริสุทธิ์ สิ่งใดก็ตามที่ทำให้บุคคลนั้นเป็นมลทินหรือไม่บริสุทธิ์ ทั้งภายนอกหรือภายใน ซึ่งขวางกั้นเขาไว้จากการเข้ามาเฝ้าพระเจ้า และสถานที่พำนักของพระองค์ คือพลับพลาหรือวิหาร พระเจ้าจึงบอกให้เขาทำพิธีชำระตนให้สะอาด นี่เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ผู้บริสุทธิ์แยกตัวจากทุกสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์

เนื่องจากพระเจ้ามีความบริสุทธิ์ พระองค์แยกจากทุกสิ่งที่ชั่วร้าย ในทางศีลธรรมจรรยา และสิ่งที่เป็นบาป พระองค์ไม่มีส่วนในความบาป เพราะผิดธรรมชาติของพระองค์

ดวงเนตรของพระองค์บริสุทธิ์เกินที่จะมองดูความชั่วช้า พระองค์ไม่ยอมทนเห็นความผิด[20]

พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าผู้ยินดีในความชั่ว ความชั่วร้ายไม่อาจอยู่ร่วมกับพระองค์[21]

ไม่มีวันที่พระเจ้าจะทำความชั่ว หรือพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์จะทำผิด[22]

เมื่อผู้ใดถูกล่อใจ อย่าให้ผู้นั้นพูดว่า “พระเจ้าล่อข้าให้หลง” เพราะว่าความชั่วล่อลวงพระเจ้าไม่ได้ และพระองค์ไม่ล่อลวงผู้ใด[23]

เนื่องจากพระเจ้ามีความบริสุทธิ์เป็นปกติวิสัย พระองค์จึงไม่อยู่ร่วมกับความบาป แต่มนุษย์ทุกคนทำบาป ดังที่จะเห็นได้จากบทความตอนต่อไป ดังนั้นผลลัพธ์จากความชอบธรรมและความเที่ยงธรรมอันสมบูรณ์ของพระเจ้า ต้องมีการชดเชยและการลงโทษต่อบาป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าพระเจ้ามีความรักและความเมตตาสูงสุดเช่นกัน พระองค์จึงออกแบบแผนการไถ่บาป ซึ่งเรียกร้องให้พระเยซูมาจุติ โดยมีชีวิตที่ปราศจากบาป และสละชีวิตบนไม้กางเขนเพื่อบาปของมนุษย์ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ตอบสนองความชอบธรรมและความเที่ยงธรรมของพระเจ้า ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมในบทความต่อไป นี่นำมาซึ่งการสมานไมตรีระหว่างพระเจ้ากับผู้ที่รับพระเยซูไว้ พระเจ้าทำเช่นนี้เพราะความรักที่มีต่อเรา ผู้เป็นสิ่งสร้างสรรค์ของพระองค์

เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้น จะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์[24]


ชีวประวัติ

คาร์ล บาร์ธ The Doctrine of the Word of God เล่ม 1 ตอนที่ 2  สำนักพิมพ์ Peabody: Hendrickson Publishers ค.ศ. 2010

หลุยส์ เบอร์คอฟ Systematic Theology  สำนักพิมพ์ Grand Rapids: Wm. B. Eerdmans Publishing Company ค.ศ. 1996

แจ็ค คอตเทรล What the Bible Says About God the Creator สำนักพิมพ์ Eugene: Wipf and Stock Publishers ค.ศ. 1996

วิลเลียม เลน เคร็ก เรื่อง The Doctrine of God  ในชุดคำบรรยาย Defenders Series Lecture

เจมส์ ลีโอ การ์เร็ต จูเนียร์ Systematic Theology, Biblical, Historical, and Evangelical เล่ม 1 สำนักพิมพ์ N. Richland Hills: BIBAL Press ค.ศ. 2000

เวย์น กรูเด็ม Systematic Theology, An Introduction to Biblical Doctrine  สำนักพิมพ์Grand Rapids: InterVarsity Press ค.ศ. 2000

กอร์ดอน อาร์. ลูวิส และ บรูซ เอ. เดมาเร็สต์ Integrative Theology  สำนักพิมพ์ Grand Rapids: Zondervan ค.ศ. 1996

บรูซ มิลเน่ Know the Truth, A Handbook of Christian Belief  สำนักพิมพ์ Downers Grove: InterVarsity Press ค.ศ. 2009

จอห์น ธีโอดอร์ มูลเลอร์ Christian Dogmatics, A Handbook of Doctrinal Theology for Pastors, Teachers, and Laymen  สำนักพิมพ์ St. Louis: Concordia Publishing House ค.ศ. 1934

ลุดวิค อ็อต Fundamentals of Catholic Dogma สำนักพิมพ์ Rockford: Tan Books and Publishers, Inc. ค.ศ. 1960

เจ. ไอ. แพ็คเกอร์ คำบรรยาย The Attributes of God 1 and 2



[1] แจ็ค คอตเทรล กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง What the Bible Says About God the Creator  สำนักพิมพ์ Eugene: Wipf and Stock Publishers  ค.ศ. 1996 หน้า 211

[2] เจ.ไอ. แพ็คเกอร์ บทบรรยายที่ 11 เรื่อง Attributes of God ตอนที่ 2 หัวข้อ Transcendence and Character

[3] แจ็ค คอตเทล ในเรื่อง What the Bible Says About God the Creator สำนักพิมพ์ Eugene: Wipf and Stock Publishers ค.ศ. 1996, หน้า 216

[4] โฮเชยา 11:9

[5] วิวรณ์ 15:4

[6] อพยพ 15:11

[7] อิสยาห์ 57:15

[8] อิสยาห์ 6:1-3

[9] ทิโมธี เคลเลอร์ ใน The Gospel and Your Self  สำนักพิมพ์ Redeemer Presbyterian Church ค.ศ. 2005

[10] 1 ซามูเอล 2:2

[11] อพยพ 3:3-5

[12] เพลงสดุดี 65:4

[13] อพยพ 26:33-34

[14] ฮีบรู 9:2-3

[15] อพยพ 20:8-10

[16] กันดารวิถี 16:5

[17] 2 ทิโมธี 2:21

[18] ทิตัส 1:7-8

[19] กอร์ดอน อาร์. ลูวิส และ บรูซ เอ. เดมาเรสต์ ใน Integrative Theology สำนักพิมพ์ Grand Rapids: Zondervan ค.ศ. 1996 เล่ม 1 หน้า 233

[20] ฮาบากุก 1:13

[21] เพลงสดุดี 5:4

[22] โยบ 34:10

[23] ยากอบ 1:13

[24] ยอห์น 3:16

Copyright © 2024 The Family International. นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการใช้งานคุกกี้