Unconditional Love

โดย ปีเตอร์ อัมสเตอร์ดัม

มีนาคม 20, 2018

[ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข]

เมื่อผมนึกถึงการที่จะสรุปว่าพระเจ้าคือใครในวลีเดียว "ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข" ผุดขึ้นมาในหัวคิด แน่นอนว่าพระเจ้าคือหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งจำกัดในวลีหรือคำเดียวไม่ได้ ทว่าเรารู้จาก 1 ยอห์น 4:8 ว่า พระเจ้าคือความรัก นั่นคือธาตุแท้ของพระองค์ โดยธรรมชาติพระองค์เป็นเช่นนั้น นั่นคือหนึ่งในคุณลักษณะพื้นฐานของพระองค์ ถึงแม้จะไม่ได้หมายความว่าพระองค์รักทุกสิ่งที่เราทำ เพราะเราเป็นคนบาป พระองค์ไม่ได้มองข้ามหรือหลับหูหลับตา ต่อบาปหรือการทำผิดของเรา พระองค์อาจทำโทษเราในบางแง่สำหรับบาป ถึงกระนั้นพระองค์ก็รักลูกของพระองค์อย่างไม่มีเงื่อนไข และให้อภัยเรา ถ้าเราถ่อมตนมากพอที่จะขอ

ความรักไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ามีต่อเรา ควรค่าที่จะนึกถึงอย่างสม่ำเสมอ เป็นการง่ายที่จะหมกมุ่นกับวิถีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และหลงลืมความจริงพื้นฐานบางอย่าง อันนำมาซึ่งความยินดี สันติสุข และความมั่นใจแก่เรา ในฐานะคริสเตียน ธาตุแท้ความรักของพระเจ้า คือความรักที่ไม่มีเงื่อนไขและครอบจักรวาล เป็นสิ่งแสนวิเศษจริงๆ ความรักของพระเจ้าไม่ใช่ความรักแบบที่คนส่วนมากบ่งบอกให้เห็นในโลกปัจจุบัน ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่บ่งบอกถึงการรักความสะดวกสบาย ความจำเป็น หรืออีโก้ บ่อยเหลือเกินความรักที่เราเห็นในสังคมตั้งอยู่บนพื้นฐานค่านิยมที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ เมื่อหมดค่านิยมดังกล่าว หรือไม่ต้องการอีกต่อไป ความรักก็เลือนหายไปด้วย ทว่าความรักของพระเจ้าไม่เป็นเช่นนั้น นี่คือแก่นแท้ในตัวตนพระองค์ ความรักของพระองค์คงทนยั่งยืน ไม่มีวันเสื่อมคลาย ความรักของพระเจ้าคือแหล่งความเมตตากรุณาสำหรับมวลมนุษย์ ทั้งผู้มีความเชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ พระองค์ปลาบปลื้มที่เราอยู่ด้วย และต้องการเป็นเพื่อนเรา ความรักอันลึกซึ้งและยั่งยืนของพระเจ้า กระตุ้นงานมอบหมายอย่างต่อเนื่องของพระองค์ ต่อมนุษย์แต่ละคนที่พระองค์สร้างสรรค์ขึ้นมา โดยเชิญชวนให้เขาสานสัมพันธ์กับพระองค์ และก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง

เมื่อผมตรึกตรองถึงความรักที่พระเยซูมีต่อผม ผมก็สำนึกในบุญคุณ ถ่อมตน และรู้สึกเกรงขาม นี่ทำให้ผมอยากเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น โดยมีใจกรุณาต่อผู้อื่นมากขึ้น ใจกว้างมากขึ้น คำนึงถึงผู้อื่นมากขึ้น รักผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไขมากขึ้น มอบความรักและนับถือเขาในฐานะมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ไม่ว่าสภาพการณ์ของเขาจะเป็นเช่นไร[1] นั่นทำได้ยาก เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ทำผิดพลาด เราไม่สามารถแสดงความรักอันไม่เสื่อมคลายต่อผู้อื่น เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทำต่อเรา ทว่าเราถูกเรียกร้องให้เป็นเหมือนพระคริสต์ นั่นรวมถึงการเลียนแบบธรรมชาติของพระองค์ และทำสุดความสามารถที่จะหยิบยื่นของขวัญคือความรักที่ไม่มีเงื่อนไขให้แก่คนรอบข้าง

นี่คือสิ่งที่ผมนึกคิดในระยะหลังๆ นี้ บางครั้งก็ง่ายที่จะรักใครสักคน แม้แต่ง่ายพอสมควรที่จะมอบความรักไม่มีเงื่อนไขให้อย่างสม่ำเสมอ ต่อบุคคลที่คุณห่วงใยอย่างยิ่ง บางทีอาจได้แก่คู่ครอง ลูกหลาน หรือเพื่อนสนิท ในสถานการณ์อื่นอาจเป็นเรื่องยากมากที่จะมอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไข เราต้องการให้พระเจ้ารักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งๆ ที่เราขาดตกบกพร่อง อ่อนแอ และมีบาป ทว่าอาจเป็นการยากที่เราจะหยิบยื่นความรักต่อคนอื่นอย่างไม่อั้น เมื่อคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว มีข้อคิดบางประการ ได้แก่

ในฐานะคริสเตียน เราควรมุ่งมั่นที่จะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นในทุกวิถีทาง ซึ่งรวมถึงการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ "ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข" ขอให้เราพิจารณาสามย่างก้าวเพื่อการเติบโตในชีวิตทางวิญญาณด้านนี้

1. เริ่มต้นที่ตัวเอง การทราบว่าพระองค์รักเราแต่ละคนโดยสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่เรามีความผิดพลาด ข้อบกพร่อง และล้มเหลว ช่วยให้เราอุ่นใจว่ามีคนรักเรา เรามีค่า น่าทะนุถนอม และเราเป็นลูกคนหนึ่งของพระเจ้าตลอดไป จากสภาพที่เข้มแข็งเช่นนี้ เราก็รักผู้อื่นได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าคุณไม่รู้สึกว่าพระเจ้ารักคุณโดยไม่มีเงื่อนไข ก็คงยากมากที่คุณจะหยิบยื่นความรักโดยไม่มีเงื่อนไข และเกื้อหนุนผู้อื่น

ดำเนินการ: ยอมรับความรักโดยไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ามอบให้คุณ ยอมรับขีดจำกัดและความอ่อนแอของคุณ ชื่นชมยินดีในคำสัญญาของพระเจ้า ว่า "พระคุณของเราเพียงพอสำหรับเจ้า เพื่อว่าพลังอำนาจของเราจะได้ปรากฏอย่างเต็มที่ในความอ่อนแอ"[2]

2. ยิ่งเราใกล้ชิดพระเยซูมากขึ้น ความรักของพระเจ้าก็จะพรั่งพรูผ่านเราไปสู่ผู้คนรอบข้างได้มากขึ้น โรม 5:5 กล่าวว่า "พระเจ้าทุ่มเทความรักของพระองค์เข้ามาในจิตใจเรา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งพระเจ้าได้มอบให้แก่เรา"

ดำเนินการ: ใกล้ชิดพระเยซูเข้าไว้ ด้วยการใช้เวลาเงียบๆ และอธิษฐานเป็นประจำ ขอการเติมเต็มพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์อีกครั้ง เพื่อรับการกระตุ้นในด้านนี้

3. เมื่อเราทำสมาธิในความรักของพระเจ้า เราจะมีสภาพที่สมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ ดังที่ผมเอ่ยไว้ข้างต้น นอกเหนือจากการฟื้นฟูความขอบคุณ ซึ่งเป็นแรงจูงใจอย่างมหาศาล เมื่อเรานึกคิดถึงความรักของพระเจ้า และการเสียสละสูงสุดที่พระองค์ได้ทำ ในการส่งพระเยซูมาตายเพื่อบาปของเรา เพื่อช่วให้เราสมานไมตรีกับพระองค์ เราก็มีแรงจูงใจที่จะติดตามพระองค์ใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อฟันฝ่าความบาป โดยเปิดโอกาสให้พระวิญญาณนำทางเรา และมอบพลังอำนาจให้เรารับใช้พระองค์ โรม 8:5 กล่าวว่า "ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง ก็ปักใจในสิ่งที่เนื้อหนังต้องการ แต่ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ก็ปักใจในสิ่งที่พระวิญญาณประสงค์"

ดำเนินการ: ใช้เวลากับพระเยซูมากขึ้น เพื่อคุณจะได้นึกคิด "ตามพระวิญญาณ" มากขึ้น นี่จะชี้นำให้คุณประพฤติตนเหมือนพระเยซูมากขึ้นแน่นอน ผมพบว่าการอ่าน 1 โครินธ์ 13:4-8 เป็นประจำ มีส่วนช่วยอย่างมาก ในการหันเหความนึกคิดและปฏิกิริยาของผม เพื่อรับการชี้นำจากพระวิญญาณ และมีความรักมากขึ้น

พวกเราผู้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า มีพรอย่างล้นเหลือ เราได้รับมากมาย อาทิเช่น การให้อภัยต่อบาป ชีวิตนิรันดร์ ความรักไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า ความช่วยเหลือ และแนวทาง เมื่อเราเติบโตในความรัก เราหันไปให้กำลังใจพี่น้องในพระองค์ได้ และช่วยนำพาผู้ที่ยังไม่รู้จักพระองค์ เพื่อให้เขาใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น 1 ยอห์น 4:7 มักจะมอบแรงกระตุ้นให้เติบโตในด้านความรัก กล่าวว่า "เพื่อนที่รัก ให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า ทุกคนที่รักก็บังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า" ผมต้องการ "บังเกิดจากพระเจ้า" ผมปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะรู้จักพระเจ้า และพระคำของพระเจ้าบอกเราว่า การรักกันคือเส้นทางไปสู่เป้าหมายนั้น

ขอให้เราทุกคนเติบโตในความรัก ทุกวัน


[1] โรม 12:10; 1 เปโตร 2:17

[2] 2 โครินธ์ 12:9

Copyright © 2024 The Family International. นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการใช้งานคุกกี้