Victory in Tough Times

กรกฎาคม 21, 2018

โดย มาเรีย ฟอนเทน

[ชัยชนะในยามยากลำบาก]

ฉันถามพระเยซูว่าจะให้กำลังใจคุณอย่างไร เกี่ยวกับความยากลำบากที่คุณ (เพื่อนหรือคนอันเป็นที่รัก) อาจประสบอยู่ พระองค์กล่าวว่า ก่อนอื่นฉันควรเตือนใจคุณเกี่ยวกับชีวิตภายภาคหน้า ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอย่างไร ทว่าพอฉันกลับไปดูข้อพระคัมภีร์เรื่องสง่าราศีของสวรรค์ เมื่อเปรียบเทียบกับความปวดร้าว ความเศร้าโศก และปัญหาของชีวิตนี้ ก็น่าอุ่นใจอย่างแสนวิเศษที่รับรู้ ดังบทเพลงเก่าแก่ที่ว่า

(คำแปล)

หลังวันที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
หลังปัญหายุ่งยากผ่านพ้น
หลังความโศกเศร้าจำทน
ถึงเบื้องบนได้พบพระเยซู!

หลังความปวดร้าวกลัดกลุ้มใจ
หลังโพยภัยต้องทนฟันฝ่า
หลังสู้ศึกมีสันติสุขเหลือคณา
ถึงฟากฟ้าได้พบพระเยซู![1]

มีอนาคตแสนวิเศษรออยู่เบื้องหน้า เพื่อนรัก! อย่ามัวจดจ่อกับความยากลำบากในปัจจุบัน จนลืมระลึกถึงสวรรค์เสมอ พระเจ้าทราบว่าคุณและฉัน กับลูกๆ ทุกคนของพระองค์ ต้องได้รับความอุ่นใจเกี่ยวกับอนาคตในสวรรค์ คุณคิดว่าทำไมพระองค์ถึงได้มอบคำสัญญาที่เฉพาะเจาะจงมากมายในพระคัมภีร์ รวมทั้งคำพยากรณ์

พระคำของพระองค์บอกเราให้ “คิดคำนึงถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่จริง สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่น่ายกย่องชื่นชม”[2]  นั่นคือคำบรรยายสวรรค์ที่เหมาะมาก! เราจะนึกถึงอะไรที่แสนวิเศษยิ่งกว่านี้ได้อีก!

ยอห์นบอกเราเกี่ยวสวรรค์และโลกใหม่ ฉันคิดว่าน่าจะกล่าวย้ำ ในยามที่เราต้องหันไปมุ่งเน้นเบื้องบน

จากนั้นข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์และโลกใหม่ เพราะฟ้าสวรรค์เดิมและโลกเดิมดับสูญไป ทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว

ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ คือเยรูซาเล็มใหม่ที่พระเจ้าให้เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์ นครนี้ได้รับการตระเตรียมไว้ เหมือนเจ้าสาวแต่งกายงดงามรอรับผู้เป็นสามี ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากบัลลังก์ว่า “บัดนี้ที่พำนักของพระเจ้ามาอยู่กับมนุษย์ แล้วพระองค์จะสถิตกับเขา เขาจะเป็นผู้คนของพระองค์ พระเจ้าจะอยู่กับเขา และเป็นพระเจ้าของเขา

พระองค์จะซับน้ำตาทุกหยดให้เขา จะไม่มีความตาย การคร่ำครวญ การร่ำไห้ หรือความเจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป เพราะสิ่งเก่าๆ ผ่านพ้นไปแล้ว พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์กล่าวว่า “เรากำลังสร้างสรรพสิ่งขึ้นใหม่!” และกล่าวด้วยว่า “บันทึกสิ่งนี้ไว้ เพราะข้อความเหล่านี้เที่ยงแท้แน่นอน”[3]

หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองเห็นผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน จากทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกหมู่ชน และทุกภาษา ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ ต่อหน้าพระเมษโปดก เขาสวมชุดสีขาวและถือทางใบปาล์ม[4]

ในโลกนี้ไม่มีเมืองใดที่ยั่งยืน ทว่าเราแสวงหาเมืองที่จะมาถึง “นครซึ่งตั้งอยู่บนฐานรากอันมีพระเจ้าเป็นผู้ออกแบบและผู้สร้าง”[5]

ในที่สุด เราจะไปถึง “ที่ซึ่งดีกว่า คือเมืองสวรรค์” คือเมืองที่เราปรารถนาและตั้งตารอคอย ตามที่เขียนไว้ว่า “ไม่เคยมีใครได้เห็น ไม่เคยมีใครได้ยิน ไม่เคยมีจิตใจผู้ใดหยั่งรู้ สิ่งที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ผู้ที่รักพระองค์”[6]

พระเยซูไปที่นั่นแล้ว “เพื่อเตรียมสถานที่สำหรับเรา เป็นที่พำนักของผู้ชอบธรรม”[7] “บัดนี้เรารู้ว่าหากบ้านที่เราพักอาศัยในโลกนี้ถูกทำลายลง เรายังมีบ้านที่พระเจ้าสร้าง คือบ้านที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร์ในสวรรค์ ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า ‘จงบันทึกไว้ดังนี้ ความสุขมีแก่ผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อพระองค์’”[8]

เราจะได้รับ “มรดกที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป ซึ่งจัดเตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อเรา”[9] “เราเป็นชาวสวรรค์ ด้วยเหตุนี้เอง เราเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซูคริสต์ พระองค์จะเปลี่ยนร่างกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนร่างอันทรงเกียรติสิริของพระองค์ โดยพลังอำนาจที่สยบทุกสิ่งไว้ใต้อำนาจของพระองค์”[10]

พระเยซูกล่าวว่า “ในที่พำนักพระบิดาของเรามีคฤหาสน์มากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เราไปที่นั่นเพื่อเตรียมสถานที่ไว้ให้ท่าน เมื่อเราไปเตรียมสถานที่ไว้ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหน ท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย”[11]

ขอให้รับฟังข่าวสารแสนวิเศษนี้ ซึ่งพระองค์มอบให้เราในคำพยากรณ์

วันหนึ่งข้างหน้าเราจะทะลุม่านฟ้าที่เบาบางลงมา โดยส่องรัศมีเจิดจ้า ความสง่างาม และความยิ่งใหญ่มาสู่โลก ทูตสวรรค์จะป่าวร้องการมาครั้งที่สองของเรา บรรยากาศจะโอบล้อมด้วยเสียงแตร เจ้าจะได้ยินเสียงดนตรี เป็นเสียงไพเราะที่สุดเท่าที่เจ้าเคยได้ยิน ถ้าเจ้ามาสู่อ้อมแขนของเราก่อนการรับตัว สง่าราศีที่เราห่อหุ้มเจ้า จะประจักษ์ชัดต่อทุกคนในโลก

ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เมื่อเรากลับมา ทันทีที่เจ้าลอยตัวขึ้นมาพบเรา ดวงตาเราจะสบกัน ความรักและความยินดีของเราจะเติมเต็มเรือนร่างเจ้า พลังการเปลี่ยนแปลงของเราจะขจัดความกังวล ความปวดร้าวใจของชีวิตนี้ สิ่งต่างๆ ที่แปดเปื้อน และเสียหายให้หมดไป ช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ในโลก จะกลายเป็นแค่จุดเล็กๆ ในนิรันดร์กาล ขณะที่เจ้าลอยตัวขึ้นมาโอบกอดเรา เข้าสู่สวรรค์ในอ้อมแขนของเรา เมื่อนั้น ในชั่วพริบตา เจ้าจะรู้ว่ายิ่งกว่าคุ้มค่า!

เมื่อเจ้านึกถึงสิ่งที่คอยท่าเจ้าที่บ้านในสวรรค์ เราจะยกชูจิตวิญญาณเจ้า และดลใจให้ความหวังสำหรับสิ่งแสนวิเศษที่จะมาถึง มีอนาคตแสนวิเศษให้ตั้งตารอคอย! เป็นคำสัญญาชั้นยอดที่เจ้าต้องยึดมั่นไว้ คือการได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง เราจะกลับมาด้วยสง่าราศี อีกไม่นาน

* * *

(มาเรีย:) คำสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของเราได้ เช่นเดียวกับความรู้เรื่องความรอด เรายืนหยัดบนคำสัญญาดังกล่าวได้ ในยามที่สิ่งต่างๆ ดูมืดมน พระเจ้าไม่ต้องบอกเราล่วงหน้า ถึงความจริงแท้แสนวิเศษที่คอยเราอยู่ในสวรรค์ พระองค์อาจเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ก็ได้ แต่พระองค์ทราบว่านิมิตหมายของอนาคตเช่นนี้ จะมอบแรงจูงใจแก่เรา และช่วยเราให้ฟันฝ่าการสู้ศึกในโลกที่เราประสบทุกเมื่อเชื่อวัน

เราจะขอบคุณพระองค์ให้มากพอได้อย่างไร สำหรับสิ่งน่าทึ่งสุดๆ เบื้องหน้า เราแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งได้ โดยถวายทุกสิ่งแด่พระองค์ และเป็นทุกสิ่งเท่าที่เราจะเป็นได้เพื่อพระองค์ ผู้มอบทุกสิ่งให้แก่เรา

ถึงกระนั้น เราเป็นแค่มนุษย์ปุถุชน บางครั้งนิมิตหมายของเราถูกครอบงำด้วยความพะว้าพะวังในชีวิต เราอาจเริ่มนึกสงสัยว่า “แล้วเรื่องยุ่งยากที่พบเจออยู่ขณะนี้ล่ะ ฉันจะผ่านพ้นไปได้อย่างไร จากปัจจุบันที่บางครั้งก็แย่มาก สู่สวรรค์น่าปีติยินดีที่จะมาถึง” เมื่อฉันถามพระองค์ว่าจะพบคำตอบต่อสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ได้อย่างไร พระองค์กล่าวในคำพยากรณ์ว่า

บอกเขาว่า อย่าหยุดอยู่ที่นิมิตหมายในสวรรค์ นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในของขวัญที่เรามอบให้ลูกๆ ของเรา! เตือนใจเขาว่าเขาสามารถพลิกผันช่วงเวลาปัจจุบัน เป็นนิมิตหมายแสนวิเศษ ที่นี่และเดี๋ยวนี้!

เตือนใจเขาว่าเขาได้พลิกผันสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก ให้กลายเป็นโอกาส ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาได้พลิกผันความทุกข์ร้อนใจและชัยชนะ ให้กลายเป็นสิ่งงดงามในสายตาของเรา เขาได้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้อื่นพลิกผันมาเป็นลูกของพระเจ้า!

(มาเรีย:) คุณๆ ที่รัก คิดดูสิ! พระองค์ให้เกียรติเรา โดยมอบหมายงานสำคัญให้เราเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้ พระองค์ให้เราเป็นทูตความสว่างในโลกที่มืดมิด พร้อมทั้งมอบเวลา โอกาส และศักยภาพ ที่จะทำให้ชีวิตในโลกนี้มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับเราและผู้อื่น

ถึงแม้ว่าเราได้รับพรอย่างยิ่ง และมีตำแหน่งสำคัญบนโลก ในฐานะผู้ส่งข่าวสารของพระองค์ เราก็คาดหมายได้ว่าต้องสู้ศึกอย่างแน่นอน เราคาดหมายได้ว่าจะประสบเรื่องยุ่งยาก เราคาดหมายได้ว่าจะมีการดิ้นรนต่อสู้ ขณะที่เราอ้าแขนรับงานมอบหมายสูงส่ง และสิทธิพิเศษที่มอบให้เราแต่ละคน ทว่าแม้แต่เช่นนั้น พระองค์จะไม่ปล่อยให้เราโดดเดี่ยว พระองค์ส่งพรพรั่งพรูมาสู่เรา ขณะที่นำทางเราผ่านพ้นความยากลำบากในชีวิตนี้ พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องยุ่งยากของเราเสมอ

เมื่อเราต้องได้รับการฟื้นฟูพลัง และความกระปรี้กระเปร่า เมื่อเรารู้สึกอ่อนล้า ขอให้พระเยซูฟื้นฟูนิมิตหมายในสวรรค์อีกครั้ง เตือนใจตัวเองต่อไป ถึงความจริงแท้ของสวรรค์ แล้วก็เตือนใจตัวเองถึงสิ่งที่พระองค์ทำอยู่ในโลกนี้ รวมถึงความสำคัญของวัตถุประสงค์และตำแหน่งของคุณ ในฐานะลูกคนหนึ่งของพระองค์ เผชิญหน้ากับความยากลำบากด้วยศรัทธาและความกล้าหาญ โดยรู้ว่าการที่คุณเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น จะมอบโอกาสให้เขาได้พบความหวังในพระเยซู และคำตอบที่เขาโหยหา


[1] เพลง “After” โดย เอ็น บี แวนดอลล์  ค.ศ. 1932

[2] ดู ฟีลิปปี 4:8

[3] วิวรณ์ 21:1-5

[4] วิวรณ์ 7:9

[5] ฮีบรู 11:10

[6] ฮีบรู 11:16; 1 โครินธ์ 2:9

[7] ยอห์น 14:2; 2 เปโตร 3:13

[8] 2โครินธ์ 5:1;  วิวรณ์ 14:13

[9] 1เปโตร 1:4

[10] ฟีลิปปี 3:20-21

[11] ยอห์น 14:2-3