เหลือที่จะเข้าใจ สุดที่จะพรรณนา

พฤษภาคม 12, 2012

โดย มาเรีย ฟอนเทน

ข้อคิดเรื่องแม่

การเป็นแม่อาจมีขึ้นมีลง แต่เมื่อเราหยุดเพื่อจดจ่อกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ สิ่งที่สำคัญโดยแท้ สิ่งที่วิเศษสุดในโลก สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จัดไว้ในอันดับเกือบสูงสุด หรือสูงสุด คือ ความอัศจรรย์ของผู้เป็นแม่

ผู้เป็นแม่ทำอย่างไร อะไรคือเคล็ดลับของความอดทน ความอดกลั้น และความรักที่ไม่รู้สิ้นสุด ซึ่งดูเหมือนฟื้นฟูขึ้นมาอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่ประสบอะไรต่างๆ นานาในชีวิต

ต่อไปนี้เป็นความคิดของฉันเกี่ยวกับผู้เป็นแม่ สิ่งที่ผู้เป็นแม่ทำ หรือเป็น ซึ่งทำให้ผู้เป็นแม่พิเศษมาก


สิ่งที่มอบให้ลูกจากหัวใจแม่ ซึ่งเคยแตกสลาย บอบช้ำ สร้างขึ้นใหม่ และเติมเต็มจนท่วมท้น หลายครั้งหลายหน คือความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกมีค่า มีคนที่รัก และมีความหวังเสมอ

 


 

คุณแม่ทุกคนที่ได้มอบหัวใจให้แก่ลูก ได้มอบส่วนหนึ่งของตัวเอง คือชีวิต ความเมตตา และความหวัง โดยมอบให้แก่หัวใจและวิญญาณของลูก ผ่านความรัก ความอดทน และความเอาใจใส่

 


 

มีภาพสะท้อนอะไรอีกเล่า ถึงวิญญาณความรักของพระเจ้าในโลกนี้ ที่ชัดเจนยิ่งกว่าความรักที่แม่มีต่อลูก ถ้าคุณรู้สึกว่าความผิดพลาด ความล้มเหลว และข้อบกพร่องของคุณเอง ทำให้ลูกเสียผลประโยชน์ ถึงแม้ว่าคุณรักเขา และมอบให้เขาเท่าที่ทำได้แล้ว คุณคงอยากตรึกตรองถึงการที่ความรักอันยิ่งใหญ่ เพียบพร้อม และไร้ที่ติ ซึ่งพระเจ้ามีต่อมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่หลักประกันว่าเราจะเพียบพร้อม ปราศจากความผิดพลาด ความล้มเหลว และปัญหา ไม่ว่าคุณจะทำหน้าที่แม่ได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน ก็จะไม่ใช่หลักประกันว่าผู้ที่คุณทุ่มเทชีวิตให้ จะลงเอยตามที่คุณอยากให้เป็น แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ การที่คุณโอบอุ้มชีวิตเขาด้วยความรัก ผ่านแบบอย่าง คำแนะนำ การดูแลเอาใจใส่ และการอธิษฐาน จะก่อให้เกิดผลดีเสมอ

 


 

จะเป็นยังไง ถ้าคุณไม่เคยให้กำเนิดทารกเอง คุณมีส่วนในการเป็นแม่ได้ ถ้าคุณดูแลเอาใจใส่เด็กที่ต้องการคุณ คุณได้สร้างรอยสัมผัสของคุณเองในชีวิตนั้น เมื่อคุณทำในนามของพระเยซู และทำด้วยความรักของพระองค์ที่เปี่ยมล้นหัวใจคุณ นั่นก็สะท้อนถึงสภาพของพระองค์

 


 

พระเยซูล่วงรู้ถึงหัวใจผู้เป็นแม่แต่ละคน ผู้ทำสุดความสามารถ ไม่ว่าจะดูน่าประทับใจและโดดเด่นในสายตาของคุณเอง หรือสายตาคนอื่นหรือไม่ พระองค์เล็งเห็น และพระองค์รู้ซึ้งถึงหัวใจคุณ พระองค์จะให้เกียรติคุณ

ชาวโลกอาจไม่เห็นและไม่เข้าใจ แต่พระองค์เห็น ทุกค่ำคืนอันยาวนานที่คุณดูแลลูกผู้เจ็บป่วย หรือเวลาที่คุณอธิษฐานสุดจิตสุดใจ เพราะเขาเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่น่าหวาดหวั่น หรือยามที่คุณสิ้นหวัง เมื่อดูเหมือนว่าผลงานชีวิตในการทุ่มเทให้เขานั้นสูญเปล่า หรือความพยายามของคุณไม่เกิดผล หรือเมื่อดูเหมือนว่าไม่มีโอกาสที่ความปรารถนาจากส่วนลึกในใจคุณ สำหรับผู้ที่คุณเลี้ยงดูนั้นจะสมปรารถนา การเสียสละทุกอย่างสูญเปล่า ในกาลเวลาและชั่วนิรันดร์ เมล็ดจากพระวิญญาณของพระองค์ที่คุณหว่านไว้ และทะนุถนอมสุดความสามารถ จะกลายเป็นทุกสิ่งที่คุณหวัง และเป็นยิ่งกว่านั้นอีก

 


 

ผู้เป็นแม่คือกำนัลยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าต่อเด็กทุกคน และต่อโลก คุณต้องเสียสละอย่างมากสำหรับลูกแต่ละคน นับจากการปฏิสนธิ เรื่อยไปจนถึงวันที่เขากลับบ้านในสวรรค์ นี่ไม่สิ้นสุด แม้แต่เมื่อลูกโตแล้ว และแยกไปอยู่ต่างหาก คุณก็ยังคงทุ่มเทคำอธิษฐานและความรู้สึกห่วงใยเขา คุณยินดีเมื่อเขาดีใจ คุณอ้อนวอนต่อพระองค์เพื่อเขา ในยามที่เขาเดือดร้อน ผู้เป็นแม่ต้องเสียค่าแลกเปลี่ยนสูงมาก นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้า คือแผนการมอบแบบอย่างที่ชัดเจน เป็นประจำทุกวัน ในการสละชีวิตเพื่อผู้อื่น

 


 

ผู้เป็นแม่ต้องเสียค่าแลกเปลี่ยน ต้องแลกกับอิสรภาพในการจะทำตามที่อยากทำ ต้องแลกกับการถือว่าลูกมาก่อน วันแล้ววันเล่า ดังที่นักเขียนผู้หนึ่งบ่งบอกไว้ เมื่อเขียนเกี่ยวกับแม่ของเขา “ผมเล็งเห็นการที่แม่เสียสละเพื่อผม และความฝันที่แม่ต้องเก็บกักไว้ก่อน เพื่อปลดปล่อยความฝันของผมให้เป็นอิสระ”[1]

การเป็นแม่ต้องแลกกับการรับความเจ็บปวดและความเศร้าโศก ไม่ใช่เฉพาะของตัวเอง แต่ความเจ็บปวดและความเศร้าโศกของคนที่คุณดูแลเอาใจใส่ ต้องแลกกับการต่อสู้ความกลัวของเขา นอกเหนือจากของคุณเอง ต้องวิตกกังวลเมื่อลูกพลาดพลั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต้องแลกกับการพยายามรวบรวมกำลังอีกเล็กน้อย เมื่อหมดเรี่ยวแรง ทว่าต้องมีกำลังต่อไป เพื่อโอบอุ้มผู้ที่หมายพึ่งพละกำลังจากคุณ ต้องยอมเสียค่าแลกเปลี่ยน เมื่อดูราวกับว่าหมดหวัง แต่คุณรู้ว่าเลิกราไม่ได้ เพื่อเห็นแก่เขา คุณหวัง ทั้งๆ ที่ไม่มีหวัง จนกว่าจะเห็นเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

คุณต้องเสียค่าแลกเปลี่ยนสูง ในการเป็นแม่ คุณต้องแลกกับชีวิตจิตใจ แต่พระเจ้ามีส่วนร่วมด้วย ในการยอมแลก และทำเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยลูกๆ ให้มุ่งหน้าไปบนเส้นทางชีวิตของเขา คุณก็ได้มอบมุมมองที่ลึกซึ้งในการเสียสละที่พระเจ้ามอบให้แก่มนุษย์

 


 

ความรักของแม่เหนือธรรมชาติ และอธิบายไม่ได้ ดังที่กวีท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า

เหนือล้ำยิ่งกว่าคำพรรณนา
เกินกว่าคำบรรยายกล่าวขาน
ยังคงเร้นลับตราบชั่วกาลนาน
เช่นสิ่งสร้างสรรค์น่าอัศจรรย์ใจ

มนุษย์เรานี้หาได้เข้าใจความ
สิ่งปาฏิหาริย์มากมียิ่งใหญ่
มีข้อพิสูจน์ที่ประจักษ์ชัดได้
อยู่ในหัตถ์ของท่านผู้นำทาง[2]

 


 

ไม่ว่าคุณรู้สึกประสบความสำเร็จหรือไม่ พระองค์ภูมิใจในตัวคุณ ที่รับผิดชอบต่อเป็นแม่ ซึ่งทำให้คุณยืดขยายขอบเขตความสามารถและทักษะส่วนตัวอย่างแน่นอน การที่คุณพยายามเป็นผู้ปกครองที่ดี และอบรมเลี้ยงดูลูกให้รู้จักความรักที่พระองค์มีต่อเขา พระองค์ก็ภูมิใจในตัวคุณ พระองค์ให้เกียรติคุณ ในฐานะผู้ปกครองคริสเตียนผู้รักลูก ไม่ว่าคุณอาจทำผิดพลาดอะไร หรือขาดตกบกพร่องเช่นไร

 


 

ประเด็นที่พระองค์ต้องการให้ผู้เป็นแม่ สามี และลูกทุกคนเข้าใจก็คือ พระองค์ภูมิใจในตัวคุณๆ ผู้เป็นแม่ ที่รับผิดชอบต่อความเป็นแม่

ถึงแม้ว่าลูกของคุณจะเลือกเส้นทางอื่น ซึ่งคุณไม่เข้าใจ พระองค์สถิตอยู่กับเขา คุณไว้วางใจให้พระองค์ดูแลเขาด้วยความอ่อนโยน ถ้าลูกของคุณดิ้นรนต่อสู้ พระองค์ก็โอบกอดเขาไว้ และก่อให้เกิดผลดีในชีวิตเขาต่อไป โดยช่วยเขาให้แก้ปัญหาซึ่งกวนใจเขา ถ้าลูกของคุณแสวงหาตำแหน่งแห่งที่ของเขา แต่ดูเหมือนว่าหาไม่พบ พระองค์คือแสงสว่างที่คุณเอ่ยอ้างเพื่อขอให้นำทางเขาได้

ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะดูเป็นเช่นไรในขณะนี้ พระเยซูภูมิใจในตัวคุณ ที่คุณทำสุดความสามารถ ผลลัพธ์อาจชัดเจน หรือไม่ประจักษ์ชัด ในชีวิตลูกของคุณขณะนี้ แต่ในชีวิตนี้ และนิรันดร์กาล ความรักและความเอาใจใส่ที่คุณมอบให้ จะมีผลยั่งยืนต่อเขา

 


 

คุณมีความยินดีได้ เพราะพระเจ้าภูมิใจในตัวคุณ ถึงแม้คุณอาจรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าภูมิใจ คุณปีติยินดีได้ ในการรู้ว่าพระเยซูเล็งเห็นและใส่ใจต่อความรักยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พระองค์ภูมิใจในตัวคุณ นี่ไม่ใช่ความยินดีที่จะลบล้างความเศร้าโศกหรือความยากลำบากให้หมดสิ้นไปทันที อย่างไรก็ตาม การรู้ว่าพระองค์เข้าใจ พระองค์ให้เกียรติคุณ พระองค์เล็งเห็นการเสียสละทุกอย่าง และไม่มีอะไรเล็กน้อยต่อพระองค์ ก็ควรเป็นกำลังใจต่อคุณ และช่วยคุณ ถึงแม้ว่าการดิ้นรนต่อสู้จะดำเนินต่อไป จนกว่าชีวิตในโลกนี้จะจบสิ้น ถึงแม้ว่าบ่อยครั้งคุณท้อใจ ถ้าคุณมีมุมมองจากสวรรค์ต่อไป และจดจำถ้อยคำของพระเจ้าที่ว่า “เราภูมิใจในตัวเจ้า” คุณจะเป็นแม่ผู้แข็งแกร่งขึ้น และเป็นผู้ปกครองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะด้วยมุมมองจากสวรรค์นี้เอง คุณจะฟันฝ่าการประณามตัวเองใดๆ คุณให้แสงสว่างจากพระคำของพระองค์ส่องเข้ามา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือขับไล่ความมืดที่พยายามฉุดคุณให้ตกต่ำลงไป

 


 

พระองค์ภูมิใจในตัวคุณแม่ทุกคน ผู้ซึ่งดูแลเอาใจใส่ลูกๆ ของพระองค์ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกจากสายเลือดของคุณหรือไม่ พระองค์ซาบซึ้งใจที่คุณมอบความรักอันไม่สิ้นสุดแก่เด็กน้อยเหล่านี้ ผู้ซึ่งเป็นผลงานของพระองค์ พระองค์ให้เกียรติคุณที่มอบให้อย่างไม่เห็นแก่ตัว ทุกชั่วโมง ทุกวัน พระองค์นับถือคุณที่อดทนอดกลั้น และมีจิตใจแข็งแกร่ง โดยมอบให้แต่ละคนอย่างมาก หลายครั้งก็มอบให้จนไม่มีเหลือ พระองค์จ้องมองคุณแต่ละคนด้วยความชื่นชม คุณผู้เป็นแม่ของพระองค์

 


 

มีคุณสมบัติและคุณลักษณะส่วนตัวอะไรบ้างที่เป็นแรงชักจูงต่อเด็กๆ ของเราในแง่ที่ดี

ก. ความรักอันไม่มีข้อแม้ ต่อเขาและผู้อื่น

ข. มีความสมดุลระหว่างมาตรฐานด้านศีลธรรมจรรยา กับความเมตตากรุณา ซึ่งสอนเขาถึงการให้อภัย และความโอนอ่อนผ่อนผัน ประกอบกับความมั่นอกมั่นใจ ต่อสิ่งที่จริงแท้และถูกต้อง

ค. คำอธิษฐาน ศรัทธา และความไว้วางใจ เป็นส่วนสำคัญในความสัมพันธ์ที่มีกับเด็กๆ

ง. การที่เราห่วงใยผู้อื่น และปรารถนาที่จะนำเขามาสู่พระเยซู

จ. การสละชีวิตเพื่อเด็กๆ และผู้ที่ขัดสน

ฉ. แบบอย่างการไว้วางใจและศรัทธา ในปฏิกิริยาที่เรามีต่อไม้กางเขน และความปวดร้าวใจ ซึ่งเข้ามาในชีวิตเราและผู้อื่น

ช. การที่เรามีความยืดหยุ่น เมื่อเราทำผิดพลาดหรือล้มเหลว และหาทางเติบโตจากประสบการณ์ เพื่อเด็กๆ ของเราจะได้พบวัตถุประสงค์ เมื่อทำผิดพลาด โดยไม่ประณามตัวเอง

ซ. ความถ่อมตนในการรักพระเยซูเหนือสิ่งอื่นใด และเจริญรอยตามพระองค์

ฌ. การที่เราพยายามเติบโต และบรรลุผลตามศักยภาพของเรา

 


 

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แต่หนูเห็นแม่ให้อาหารแมวจรจัด หนูก็เรียนรู้ถึงการมีใจเมตตากรุณาต่อสัตว์

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แต่หนูเห็นแม่ทำขนมเค้กของโปรดให้หนู หนูก็เรียนรู้ว่าสิ่งเล็กน้อยมีความพิเศษในชีวิต

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แต่หนูเห็นแม่อธิษฐาน หนูก็ทราบว่ามีพระเจ้าที่หนูพูดคุยได้เสมอ

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แม่หอมหนูตอนเข้านอน และหนูรู้สึกว่ามีคนรักหนู

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แต่หนูเห็นแม่น้ำตาไหล หนูเรียนรู้ว่าบางครั้งมีความเจ็บปวด แต่ก็ไม่เป็นไรที่จะร้องไห้

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น แต่หนูเห็นแม่ใส่ใจห่วงใย หนูก็ต้องการเป็นทุกสิ่งที่จะเป็นได้

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูเห็นแม่มีปฏิกิริยาที่ใจเย็นต่อความยากลำบากในชีวิต หนูก็เห็นว่าหนูทำได้เช่นเดียวกัน และยังคงมีความยินดี

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูเห็นแม่อธิษฐานให้หนู และหนูก็หัดทำเช่นเดียวกัน

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูเห็นแม่เสียสละในการมอบให้ผู้อื่น และหนูเรียนรู้ว่าเราได้รับอย่างแท้จริงจากการให้

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูเห็นแม่สมานความเจ็บปวด และคลายความกลัว ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าจะทำเช่นนั้นเพื่อผู้อื่นอย่างไร

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูเรียนรู้บทเรียนมากมายถึงการมอบความรัก และการมอบให้ สิ่งนี้นำพรมาสู่หนูทุกวันในตอนนี้

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่สังเกต หนูเห็นว่าทุกครั้งที่แม่มอบความรักและเสียสละ หนูตระหนักว่าแม่คือหลักฐานพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีจริง

เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น หนูมองดูแม่ ... และอยากบอกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่หนูเห็น เมื่อแม่คิดว่าหนูไม่เห็น[3]

 


 

ฉันรู้ว่าพวกเราทุกคนที่เป็นคุณแม่คริสเตียน อยากจะเป็นแบบอย่างที่ดีของพระเยซู ต่อเด็กๆ เราอยากให้แน่ใจว่าเขาได้รับการดูแลในทุกๆ ด้านของชีวิต โดยที่มีการศึกษาดี ได้รับสิ่งที่จำเป็นต่อสุขภาพ เรียนทักษะสังคมที่ดี ได้รับการสอนค่านิยมที่ดี มีใจกรุณา มีความรัก และมอบให้ผู้อื่น เราอยากให้แน่ใจว่าเขาได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้มีศรัทธาแรงกล้า ความเชื่อมั่น และหลักการของคริสเตียน

ถึงแม้บางครั้งคุณอาจขาดทักษะหรือความสามารถที่จะมอบให้ลูกๆ ตามที่จำเป็นในบางแง่ คุณก็หาคนอื่นที่ทำเช่นนั้นได้มาช่วย เพราะการดูแลลูกน้อยคือสิ่งที่สำคัญในความคิดจิตใจคุณ บางทีคุณไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้โดยตรง แต่คุณให้เด็กๆ ได้รับการสอนจากผู้อื่น

ถ้าเรานำเด็กๆ มาสู่พระเยซู และช่วยให้เป็นไปได้ที่เขาจะหัดรักพระองค์ เราก็ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่มากโดยแท้

ฉันคิดว่าแบบอย่างต่อไปนี้ของผู้เป็นแม่ที่เชื่อพระเจ้า จากประวัติศาสตร์ คือ ซูซานนา เวสลีย์ คงมอบกำลังใจแก่คุณ สำหรับคุณแม่คริสเตียนทุกคน ผู้ซึ่งถือว่าพระเยซูมาเป็นอันดับแรกในชีวิตคุณ และชีวิตลูกๆ

ซูซานนา เวสลีย์ เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ในฐานะมารดาของผู้ก่อตั้งนิกายเมโธดิสท์ คือ ชาร์ลส์ และจอห์น เวสลีย์ จากนิกายเมโธดิสท์ มีนิกายโปรแตสแตนท์ต่างๆ เกิดขึ้น ชาร์ลส์และจอห์น พยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อประกาศพระกิตติคุณ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเพราะศรัทธาที่แม่ของเขาปลูกฝังให้ เขาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จุดประกายให้เกิดการฟื้นฟูครั้งใหญ่ และกระจายงานมิชชันนารีที่อังกฤษ ในศตวรรษ 1600 ไปสู่ส่วนต่างๆ ของโลก

ถึงแม้ว่าในสายตาของชาวโลก ซูซานนา เวสลีย์ มีชื่อเสียงมากที่สุด เพราะสิ่งที่ชาร์ลส์และจอห์นบรรลุผลสำเร็จ ทว่าเกียรติยศยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งพระเจ้ามอบให้เธอก็คือ การที่เธอมุ่งมั่นและสัตย์ซื่ออย่างยิ่ง ในการอบรมเลี้ยงดูลูกทุกคน ในหนทางของพระองค์ เธอไม่เคยวอกแวกไปจากมติดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะประสบกับอุปสรรคขัดขวางที่ประดังเข้ามาไม่ได้หยุดหย่อน

รายละเอียดสิ่งที่คุณต้องดิ้นรนต่อสู้ ความปวดร้าวใจ และศึกต่างๆ อาจแตกต่างจากที่ซูซานนา เวสลีย์ ประสบอย่างมากทีเดียว ทว่าในวันนั้นหรือความยากลำบากจะเป็นเช่นไร ก็เป็นความท้าทายเสมอที่ต้องอดทน และคงความสัตย์ซื่อ ในการต่อสู้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวให้สุดความสามารถ การเป็นแม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า เป็นงานที่มีความเรียกร้องสูงเสมอ ซึ่งสมควรได้รับคำยกย่องชมเชยจากเราและพระองค์

  • มีปัญหาการเงินเสมอ เธออธิบายถึงเจ้าหนี้ว่า “ดุจสุนัขป่าเฝ้าอยู่หน้าประตู”ให้กำเนิดบุตรสิบเก้าคน (นั่นยากลำบากสักแค่ไหนล่ะ!)

  • ลูกเก้าคนเสียชีวิต บ้างก็เป็นโศกนาฏกรรมอย่างยิ่ง

  • บ้านถูกไฟไหม้สองครั้ง โรงนาพัง

  • ครอบครัวจำต้องพรากจากกัน หลังจากที่บ้านถูกไฟไหม้

  • สุขภาพทรุดโทรม บ่อยครั้งต้องนอนอยู่กับเตียง และบริหารจัดการบ้านเรือนจากเตียงนอน

  • ดิ้นรนต่อสู้กับความสงสัยตลอดชีวิต

  • ถูกข่มเหงรังแกหลายครั้ง โดยที่ลูกๆ พูดจาถากถาง พืชผลถูกเผา ที่อยู่เสียหาย วัวและสุนัขของครอบครัวถูกทารุณ

  • ความยากลำบากในชีวิตคู่ โดยมีการถกเถียงและไม่เห็นพ้องต้องกันอย่างมาก ธรรมชาติของสามี และบุคลิกที่แรงกล้าของเธอเอง ยังผลให้เกิดการโต้แย้งกันมาก เหตุการณ์ครั้งหนึ่งยังผลให้สามีทอดทิ้งเธอให้เลี้ยงดูส่งเสียครอบครัวตามลำพัง เป็นเวลาหนึ่งปี

  • พี่ชายหายตัวไปอย่างลึกลับ โดยไม่เคยได้ยินข่าวคราวอีกเลย

  • หลังจากเกิดอุบัติเหตุ สามีสุขภาพอ่อนแอและป่วยออดแอด ตลอดชีวิตส่วนที่เหลือ

  • ดูเหมือนว่าลูกบางคนออกนอกลู่นอกทาง ยังผลให้ปวดร้าวใจอย่างมาก

  • เธอมองตัวเองว่าไม่มีความสามารถที่สูงส่ง หรือบรรลุผลสำเร็จใหญ่โต เธอกล่าวว่า “ฉันพอใจที่จะเติมช่องว่างเล็กๆ หากพระเจ้าจะได้รับสง่าราศี”[4]

ทว่าความปรารถนาท่วมท้นในใจเธอก็คือ ให้ลูกๆ ที่กำเนิดมาเติบโตขึ้น โดยที่รู้จักและรักพระเยซู ทำสิ่งต่างๆ เพื่อพระเจ้า เธอสอนหนังสือลูกๆ ทุกคน และแต่ละวันก่อนที่เขาจะเรียนหนังสือ เธอจะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน และร้องเพลงสดุดี หนึ่งชั่วโมง

หากว่าลูกชายสองคนของเธอ ไม่ได้ทำการยิ่งใหญ่เพื่อพระเยซู นั่นก็จะไม่เปลี่ยนการป่าวประกาศอันยิ่งใหญ่ที่เธอได้รับในสวรรค์ เพราะอะไรหรือ ก็เพราะไม่ว่าลูกของเราจะกลายเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญต่อพระองค์ก็คือ การที่เราสัตย์ซื่อต่อพระองค์ และงานมอบหมายในการสอนลูก ตามวิถีทางของพระองค์ และช่วยให้เขามีสื่อสัมพันธ์กับพระเยซู โดยที่สามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น หากเขาเลือกที่จะทำเช่นนั้น

ไม่มีอะไรมายับยั้งซูซานนาได้ จากการถือว่าสภาพจิตใจของลูกมาเป็นอันดับแรก ทั้งๆ ที่เธอไม่สามารถจัดหาวัตถุสิ่งของให้เขาได้ทุกอย่าง ตามที่ต้องการ แต่เธอได้มอบสิ่งที่สำคัญที่สุด ชื่อของเธอ เช่นเดียวกับคุณแม่ผู้สัตย์ซื่อทุกคน ผู้ตั้งใจอบรมเลี้ยงดูลูก ด้วยการทะนุถนอม และคำตักเตือนของพระองค์ ซึ่งถูกบันทึกไว้ในสวรรค์

หลายครั้งเธอได้แต่ยึดมั่นในคำสัญญาของพระเจ้า และไม่ยอมให้สภาพการณ์หยุดยั้งเธอ ในการงานที่พระองค์มอบให้เธอ โดยทุ่มเทมาตรฐานและความจริงจากพระคำของพระเจ้าให้แก่ชีวิตลูกๆ ที่พระองค์มอบให้เธอ ทั้งๆ ที่ประสบอุปสรรค ความพ่ายแพ้ ความปวดร้าวใจ ความสูญเสีย ศึกทางจิตใจและร่างกาย ศรัทธาและความรักที่เธอมีต่อพระองค์ กับลูกๆ ช่วยให้เธอฟันฝ่ามาได้

ในที่สุด เมื่อชีวิตบั้นปลาย เธอได้เห็นผลบางส่วนจากความสัตย์ซื่อของเธอ ฉันเชื่อว่ามีมากกว่านั้นหลายเท่า เมื่อเธอไปถึงบ้านในสวรรค์ คุณก็เช่นกัน ถ้าคุณไม่ได้เห็นในชีวิตนี้ ไม่มีสิ่งใดที่คุณมอบให้ลูก ที่สูญเปล่า แต่จะนำมาซึ่งผลดีในเวลาของพระองค์


[1] โรเบิร์ต เชิช

[2]ผู้ประพันธ์นิรนาม

[3] ผู้ประพันธ์นิรนาม ปรับเปลี่ยน

[4] มีบทความมากมายเกี่ยวกับชีวิตของซูซานนา เวสลีย์ ลองค้นหาชื่อเธอทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งเรื่องราวมากมายในวิกิพีเดีย ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับคุณแม่ผู้อุทิศตนคนนี้